ขั้นตอนการพัฒนาร้านต้นแบบ Prototype Development

การสร้างร้านต้นแบบ ที่เรียกว่า Pilot Operations ของกระบวนการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchising) นับเป็นความลับเบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจที่แฟรนไชส์ซอร์ (Franchisors)จัดระเบียบธุรกิจใหม่จากที่เคยทำอยู่เดิมด้วยรูปแบบการทำงานตามความฝันที่ผ่านการทดสอบสมมติฐานและแนวคิดทั้งหมดของธุรกิจ เพื่อกำหนดขึ้นเป็นมาตรฐานการทำงานรูปแบบเดียวกันในทุกสาขาเพื่อให้ได้คุณภาพสินค้า การบริการ และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้เหมือนกันทุกร้าน
การออกแบบการทำงานของร้านต้นแบบจะช่วยให้เกิดแนวทางการทำงานชัดเจนขึ้น เห็นภาวะของธุรกิจด้านกำไรขาดทุนชัดเจนมากขึ้น ทำให้เห็นข้อดีข้อเสียของระบบงานที่คิดขึ้นมา มีประโยชน์ในการศึกษารายละเอียดและผลตอบรับในทุกแง่มุม กล่าว คือ ร้านต้นแบบ สามารถนำมาใช้วางโครงสร้างทางการเงิน จากรายละเอียดในการลงทุน อาทิ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ลูกค้ากี่คนถึงจุดคุ้มทุน ยอดขายต่อเดือนที่จะคุ้มค่าใช้จ่ายอยู่ที่ตัวเลขประมาณเท่าไหร่ และควรมีเป้าหมายลูกค้าขั้นต่ำเท่าไหร่
เมื่อคำนวณความคุ้มค่าของการลงทุน ว่ามีความเหมาะสมต่อการเสี่ยงการลงทุน เมื่อเห็นโอกาสประสบความสำเร็จจากการคืนทุนภายในระยะเวลากี่ปี ถ้าผู้ซื้อแฟรนไชส์จะมาลงทุนทำธุรกิจนี้ การกำหนดเงื่อนไขการนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ให้กับนักลงทุน (Franchise Package) อย่างไร ผ่านการกำหนดการเก็บค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ (Franchise Fee) และ ค่าธรรมเนียมรายเดือน (Royalty Fee)และมีการติดตามกระบวนการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
8 ขั้นตอนการพัฒนาร้านต้นแบบ Prototype Development ประกอบด้วย
• Business Value / Market Analysis / Market Positioning
• Business Concept / Brand Concept
• Business Content / Store Concept
• Value Chain Package – Products & Shop Management
• Strategic Planning / Profit and Loss Simulation
• Operations & Service Design / Operations Manual – Prototype Shop
• External Marketing & Internal Marketing
• Customers or Performance Feedback
ในแต่ละขั้นตอนของการพัฒนาร้านต้นแบบ หรือ Prototype Development ยังมีรายละเอียดที่แฟรนไชส์ซอร์พึงเรียนรู้และแฟรนไชส์ซีพึงพิจารณาให้รอบคอบก่อนเลือกลงทุน ดังรายละเอียดคือ
• Business Value / Market Analysis / Market Positioning
สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องตอบตัวเองและสามารถสื่อไปถึงลูกค้าให้ได้ก็คือ วันนี้เราขายหรือให้บริการอะไรโดย
– วิเคราะห์รายละเอียดธุรกิจ จุดเด่นด้านต่าง ๆ และสถานะของ บริษัทฯในปัจจุบัน และวิเคราะห์ตลาดเพื่อเข้าใจสภาพแวดล้อม สภาพการแข่งขันของตลาดของธุรกิจ (Market Benchmarking) ในแง่มุมของการเปรียบเทียบสมรรถนะคือการเรียนรู้ความสำเร็จจากธุรกิจที่มีศักยภาพมาเป็นการเรียนลัดวิธีการปฏิบัติที่ดี (Beat Practices) เพื่ออนำมาประยุกต์ใช้กับแผนธุรกิจของเรา ทำให้ทราบสถานการณ์ธุรกิจของ Franchise แล้วนำแก้ไขข้อบกพร่อง
– วิเคราะห์ขนาดตลาดและเป้าหมายทางการตลาด (Market Size & Market Target Analysis) การเข้าสู่ตลาดที่มีขนาดใหญ่คือโอกาสแต่ก็มักเต็มไปด้วยคู่แข่ง จึงจำเป็นต้องค้นหากลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพและสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างแม่นยำ การเข้าใจและรู้รายละเอียดสำคัญของลูกค้าเป็นการแสดงให้เห็นความใส่ใจกับลูกค้า และเกิดความแตกต่างในการให้บริการที่ดีกว่าสำหรับธุรกิจ
– วิเคราะห์คุณค่าทางธุรกิจที่ต้องการนำเสนอให้แก่ลูกค้า เพื่อเตรียมความพร้อมและกำหนด Strategic Positioning สำหรับธุรกิจต้นแบบให้ชัดเจน อาทิ ธุรกิจค้าปลีกร้านสะดวกซื้อที่นอกจากการขายสินค้ายังเพิ่มเติมการให้บริการต่างๆ โดยนำเสนอคุณค่าของธุรกิจใน 3 ด้าน คือ
- คุณค่าด้านความสะดวก (Convenience Value) คือ การให้บริการที่เน้นความสะดวกให้กับลูกค้าเป้าหมาย ดังตัวอย่าง Seven-Eleven แนวคิดเบื้องต้น คือ ร้านเป็น “ตู้เย็นของคนจน” ทำให้เห็นกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจชัดเจนคือลูกค้าระดับล่างและระดับกลาง เป็นที่มาของการกำหนดกลุ่มสินค้าขนาดเล็กราคาไม่แพง วิธีการบริหารรูปแบบร้านที่เปิด 24 ชั่วโมง เน้นลูกค้าเดินมาซื้อของไม่ต้องเน้นที่จอดรถ
- คุณค่าด้านผลิตภัณฑ์ (Product Value) คือ การสร้างจุดเด่นที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อสินค้าด้วยการการสร้างความแตกต่าง ( Differentiate ) ให้กับสินค้าและบริการ โดยอาศัยแนวคิดของสินค้าหรือ“Something to talk” ที่อาจเป็นตำนานหรือเรื่องเล่าที่สร้างความประทับใจและจดจำนำไปบอกต่อ
- คุณค่าด้านปฏิบัติ (Business-Behavior Value) วิธีการปฏิบัติต่อลูกค้าที่พนักงานถูกฝึกจะช่วยทำให้องค์ประกอบคุณค่าด้านอื่นๆ สมบูรณ์ เช่น การจดจำรายละเอียดของลูกค้าทำให้สามารถบริการได้ตรงตามความต้องการและแสดงออกถึงความเอาใจใส่ หรือการทักทายด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรเป็นกันเองตามความเหมาะสมของแต่ละประเภทธุรกิจ ทั้งนี้ การสร้างความแตกต่างด้วยแนวคิดดังกล่าวควรมีการศึกษา และปรับปรุงอยู่เสมอ
- Business Concept / Brand Concept
เมื่อเริ่มธุรกิจไม่ว่าจะเป็นตีตลาดเก่า หรือสร้างตลาดใหม่ การวางแนวคิด( Business Concept ) เกิดจากข้อมูลต่างๆที่ถูกรวบรวมมาแล้วรวมถึงความแตกต่างที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดที่เราจะมอบให้แก่ลูกค้า ผ่านปัจจัยสำคัญ คือ ความคิดสร้างสรรค์ (CREATIVITY) , การมองภาพรวมในมุมกว้าง
( CONCEPTUALIZATION )และ การนำเสนอแนวคิดนั้นออกมาเป็นภาพเพื่อสื่อสาร (VISUALIZATION)
ตามมาด้วยการลงรายละเอียดด้านแนวคิดทางการตลาด ( Marketing Concept ) คือ การจัดการทางการตลาดโดยให้ความสำคัญกับลูกค้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งแบรนด์คอนเซ็ป จัดว่าเป็นแนวคิดทางการตลาดที่ถูกนำใช้ในปัจจุบันค่อนข้างมาก โดยอยู่บนพื้นฐานแนวคิด 3 ประการคือ การให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้า , การสร้างยอดขายที่มีกำไร และการประสานงานทางการตลาด
ดังนั้น การพัฒนาร้านต้นแบบ ( Prototype Development ) จึงจำเป็นต้องลงรายละเอียดในด้านต่างๆ กล่าวคือ
– การกำหนดทิศทาง ตำแหน่งทางการตลาดและยุทธศาสตร์ โดยการกำหนดรูปแบบและแนวคิดของลักษณะธุรกิจ ( Store Prototype)
– กำหนดระบบการจัดจำหน่ายและวิธีการนำเสนอ การวางแนวคิดตราสินค้าและบริการ กระบวนการที่จะนำไปสู่การออกแบบการบริหารงานทั้งหมด การนำเสนอสินค้าและบริการ
– วิเคราะห์แนวคิดธุรกิจ การปรับ Business Value การกำหนดมาตรฐานเพื่อใช้ในการวัดผลทางธุรกิจ การจัดการระบบคุณภาพ
• Business Content / Store Concept
เมื่อกำหนดแนวคิดธุรกิจได้ชัดเจนแล้ว การนำเสนอเนื้อหาธุรกิจที่เป็นประโยชน์ไปสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นเรื่องที่ไม่อาจละเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำเสนอผ่านการออกแบบซึ่งเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์เพื่อสื่อถึงรายละเอียดความเป็นตัวตนของธุรกิจ ได้แก่
– การออกแบบ ตกแต่งร้านค้า/ธุรกิจ ทั้งรูปแบบภายนอก ภายใน แนวคิดการจัดร้าน
– นำเสนองานเป็นแบบ Sketch โครงร่างของธุรกิจต้นแบบ
– การออกแบบป้ายประกอบร้าน Signage / Billboard
– การออกแบบ Logo / Mascot
– การจัดวาง Lay out การจัด Display การออกแบบ Contact Point
– การออกแบบกราฟิกตกแต่งร้าน
– นำเสนองานเป็นแบบ Sketch โครงร่าง หรือ Conceptual Design
• Value Chain Package – Products & Shop Management
ร้านต้นแบบที่สร้างขึ้นจะเป็นการนำสินค้าออกมาให้บริการด้วยระบบที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ระบบดังกล่าวเกิดจากการเรียนรู้ธุรกิจร่วมอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จและถูกปรับให้สอดคล้องกับธุรกิจของแฟรนไชส์ซอร์ เมื่อนำมาดำเนินการจะพบกับข้อดีและข้อเสีย เพื่อให้นำมาปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพก่อนนำไปใช้จริงในรูปแบบสาขา ดังรายละเอียดคือ
– การสร้างรูปแบบสินค้าและบริการที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของลูกค้า สร้างความคุ้มค่าในการจับจ่าย/ใช้บริการของลูกค้า สินค้ามีความหลากหลาย มีคุณภาพมาตรฐาน
– Shop and Branch Management Concept / Organization การออกแบบวิธีการทำงานภายในธุรกิจต้นแบบ และ การวางแนวทางเพื่อการบริหารสาขา
– การจัดองค์กรเพื่อการรองรับการบริหารจัดการธุรกิจ รายละเอียดการทำงานในตำแหน่งต่าง ๆ ของธุรกิจต้นแบบที่กำหนด
• Strategic Planning / Profit and Loss Simulation
การกำหนดแผนกลยุทธ์ธุรกิจที่แม่นยำ เป็นกลไกช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจสำหรับแฟรนไชส์ซีที่แฟรนไชส์ซอร์ได้ทำการทดสอบมาเป็นอย่างดีผ่านร้านต้นแบบ
– กำหนดกลยุทธ์ของธุรกิจต้นแบบทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
– การจัดทำและนำเสนอแผนธุรกิจ พร้อมงบกำไรขาดทุน และตัวเลขการคาดการณ์ทางธุรกิจ โดยใช้รูปแบบที่จัดทำเป็นตัวตั้งและวางเงื่อนไขทางธุรกิจ เพื่อทราบถึงผลประกอบการในระดับสาขาเป็นแผนงานหลักสำหรับการดำเนินการต่อไป
• Operations & Service Design / Operations Manual – Prototype Shop
เพื่อให้การบริหารเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา แฟรนไชส์ซอร์มีหน้าที่ในการออกแบบคู่มือการปฏิบัติงานโดยละเอียดตามโครงสร้างธุรกิจที่กำหนด เพื่อให้ทุกส่วนดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถตรวจสอบได้หากเกิดข้อผิดพลาด อาทิ
– การออกแบบคุณภาพการให้บริการ มีความเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา
– กำหนดวิธีการ กระบวนการให้บริการ การจัดเก็บเงินสด การสร้างความสะดวกต่อลูกค้า การสร้างบรรยากาศและสภาพรวมของธุรกิจ
– การวางตำแหน่งงาน การกำหนดรูปแบบ การใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อจัดการกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ
• External Marketing & Internal Marketing
เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นและเติบโต การสื่อสารการตลาดเป็นส่วนสำคัญยิ่ง ในที่นี้ต้องคำนึงถึงการสื่อสารทั้งภายในองค์กรและภายนอกองค์กร อันได้แก่
- การสื่อสารทางการตลาด (External Marketing Plan) กำหนดช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ผ่านสื่อการตลาดที่มีอิทธิพล ที่ทำให้เกิดการรับรู้ในตราสินค้า โดยการวิเคราะห์ส่วนประสมทางการสื่อสารการตลาด (Communication Mix)
- การสื่อสารกับองค์กรภายใน (Internal Marketing) ผ่านการจัดฝึกอบรมทีมงานของสำนักงานใหญ่ และทีมงานบริหารสาขาต้นแบบ เพื่อรับทราบแนวทางการพัฒนาธุรกิจต้นแบบ รายละเอียดสินค้าและบริการ แผนการขยายธุรกิจในอนาคต
• Customers or Performance Feedback
เมื่อธุรกิจต้นแบบได้ถูกสร้างและเริ่มดำเนินการแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำการตรวจสอบผลการตอบรับและความคิดเห็นที่ได้จากลูกค้า (Customer’s Feedback) เบื้องต้นผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้จากการวิเคราะห์ยอดขาย
นอกจากนี้การตรวจสอบความคิดเห็นจากทีมงานที่เป็นผู้บริหาร และผู้ดำเนินงานธุรกิจต้นแบบ (Employee Feedback) มีความสำคัญในการนำข้อบกพร่องมาปรับปรุงและพัฒนาให้ระบบธุรกิจต้นแบบมีความสมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
หากแฟรนไชส์ซอร์ได้ดำเนินการบริหารร้านต้นแบบแล้วนำข้อมูลที่ได้รับมาปรับปรุง จากนั้นจัดทำแผนธุรกิจและคู่มือการปฏิบัติงานก่อนการขยายสาขาจะช่วยให้ลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ ควรกำหนดระยะเวลาการปรับปรุงแผนและคู่มือเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะการแข่งขันและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเศรษฐกิจอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการสร้างความยั่งยืนให้แก่กิจการ