พื้นฐานการสร้างระบบแฟรนไชส์

 ธุรกิจแฟรนไชส์มีบทบาทที่สำคัญในการสร้างผู้ประกอบการและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น  ถึงแม้ว่าระบบแฟรนไชส์จะมีสูตรสำเร็จในการประกอบธุรกิจจากเจ้าของแฟรนไชส์มาแล้ว แต่ว่านักลงทุนแต่ละคนจะต้องเจอกับสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมือนกันในแต่ละพื้นที่ จะต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพเหล่านั้นให้ได้ และสำคัญที่สุดคือการออกแบบธุรกิจให้เหมาะกับการสร้างระบบแฟรนไชส์ การเริ่มต้นที่ดีคือ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นไปมากกว่าครึ่งทาง 

หลักการเบื้องต้นของการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  ธุรกิจเชิงระบบ ธุรกิจที่สร้างให้เป็นระบบแฟรนไชส์นั้นพื้นฐานที่สำคัญคือ เป็นธุรกิจที่ออกแบบให้มีระบบการจัดการสามารถสร้างทีมงานและขยายธุรกิจเพิ่มได้ โดยไม่ติดอยู่กับการทำงานของคนเพียงคนเดียว มีการสร้างกระบวนการจัดการแบบขั้นตอนต่อเนื่องและเป็นธุรกิจที่แบ่งภาระการจัดการระหว่างแฟรนไชส์ซีและแฟรนไชส์ซอร์ให้ทำงานร่วมกันในระบบได้ ไม่ใช่เพียงการจัดจำหน่ายสินค้าเท่านั้นแต่คำนึงถึงการสร้างระบบธุรกิจขึ้นมาเพื่อมูลค่าการจัดการ และสร้างมูลค่าเพิ่มของตัวธุรกิจได้จริง ธุรกิจดำเนินการอยู่บนระบบงานมากกว่า เป็นการพึ่งพิงบนการจัดจำหน่ายสินค้าเพียงอย่างเดียว

การสร้างธุรกิจบนระบบงานกับการเน้นการบริหารสินค้า ความต่างของระบบธุรกิจที่อิงบนสินค้านั้นที่เห็นได้ชัดเจนคือ ระบบการค้าส่ง หรือการจัดจำหน่ายเพียงตัวสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการขายน้ำขวด กระป๋อง หรือดินสอ ที่เป็นสินค้าต่อชิ้น ธุรกิจดังกล่าวจะเน้นการซื้อมาขายไปเป็นหลัก ถ้าหากนำธุรกิจดังกล่าวมาสร้างเป็นธุรกิจแฟรนไชส์จะมีข้อจำกัดทันที เนื่องจากระบบการจำหน่ายอย่างเดียวจะไม่สามารถสร้างกระบวนการควบคุมในธุรกิจแฟรนไชส์ได้ แต่ถ้าสร้างมูลค่าจากการบริหารจัดการ สร้างอัตรกำไรให้กับธุรกิจได้จริงธุรกิจอย่างนั้นจึงสามารถพัฒนาให้กลายเป็นระบบแฟรนไชส์ที่แข้มแข็งได้

การเพิ่มคุณค่าของธุรกิจได้ ย่อมหมายถึง ความอยู่รอดของระบบแฟรนไชส์ หมายถึง การสร้างคุณค่าที่ลูกค้ายอมที่จะจ่ายได้เพิ่มขึ้น เป็นไปได้ธุรกิจในระบบแฟรนไชส์จะต้องมีจุดเด่นเพียงพอในแต่ละด้านที่สามารถสร้างมูลค่าที่เป็นยอดขาย ราคาต่อหน่วยที่สูงกว่า หรือมีจำนวนการจัดจำหน่ายได้มากกว่า หรือต้นทุนต่ำกว่า ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มในธุรกิจได้จริง ธุรกิจที่สร้างผลกำไรดีกว่าดังกล่าวจะได้รับผลตอบแทนคือ การแบ่งผลประโยชน์ และรายได้จากการบริหารจัดการดังกล่าวจะนำไปพัฒนาธุรกิจต่อเนื่อง ธุรกิจที่มีการวางรูปแบบการจัดการดังกล่าวจึงสามารถสร้างกระบวนการจัดการที่พัฒนาต่อเนื่อง ได้ทั้งเชิงการจัดการบริหาร และการจัดการตลาดไปด้วย นี่คือการสร้างมูลค่าของระบบแฟรนไชส์ ถ้าธุรกิจใดไม่สามารถสร้างขีดขั้นความสามารถดังกล่าวได้ก็เท่ากับว่า ศักยภาพต่อการพัฒนาระบบแฟรนไชส์นั้นยังไม่สมบูรณ์

ขยายงานด้วยระบบแฟรนไชส์   ในระบบแฟรนไชส์ มีการพัฒนาวิธีการบริหารงานในทุก ๆ ด้านเป็นองค์กรที่ไม่หยุดนิ่ง มีการพัฒนาเติบโตได้ก็ด้วย “ระบบการจัดการที่ดี” การที่จะเริ่มต้นในแต่ละขั้นอย่างไรนั้นไม่ได้มีความยุ่งยากมากเกินไป แต่จะต้องใช้เวลาและทีมงานผสมผสานกับความตั้งใจจริงมีความละเอียดรอบคอบและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถที่จะสรุปได้ถึงขั้นตอนการปรับตัวง่ายๆ 4 ด้าน ดังนี้

I. การวางแผนและกลยุทธ์ทางธุรกิจ และ โครงสร้างด้านแฟรนไชส์

ถ้าจะต้องเริ่มต้นกัน ก็ควรเริ่มจากรายละเอียดของธุรกิจ ที่เป็นทั้งผลิตภัณฑ์และตัวองค์กร กระบวนการสร้างระบบแฟรนไชสนั้นต้องใช้เวลาและความพร้อมของหน่วยธุรกิจด้วย การเริ่มกระจายธุรกิจแบบแฟรนไชส์นั้นต้องตอบคำถามให้ได้ว่า การเปิดร้านในรูปแบบเรานั้น จะสร้างความสำเร็จให้กับผู้ลงทุนได้จริง มีข้อมูลในการประเมินชัด มีความเป็นไปได้ การลงทุนต่างๆมีความเหมาะสมกับลักษณะธุรกิจ การกระจายแฟรนไชส์นั้นเป็นการเน้นที่จะขยายความสำเร็จของการจัดการธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมากว่าจะเป็นการระดมทุนเพื่อขยายกิจการ

ดังนั้นจะเข้าสู่กระบวนการการปรับธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ดังนี้ ในขั้นแรกจะมีขั้นตอนแบ่งชัดเจนเป็นห้าขั้นตอนดังนี้

  1. การวางแนวคิด ด้านธุรกิจและกิจกรรมแบบแฟรนไชส์ เริ่มจากการจัดรูปแบบประวัติบริษัท โดยรวบรวมสิ่งต่างไม่ว่าจะเป็นร้านแรกของเราเอง ลักษณะสินค้าที่มีความแตกต่าง ข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นให้ศึกษาสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อมองหาเป้าหมายในการทำธุรกิจเพื่อการวางเป้าหมายธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การเข้าใจตนเองมองให้ชัดว่าธุรกิจได้นำเสนออะไรให้แก่ลูกค้า ทำไมลูกค้าประจำยังต้องวนเวียนมาซื้อหาหรือใช้บริการ การวางแนวคิดด้านธุรกิจ Business concept จะช่วยกำหนดรูปแบบการทำกิจกรรมต่างๆในธุรกิจ รวมถึงกำหนดลักษณะทั่วไปในการวางตำแหน่งทางการตลาดของสินค้า ภาพลักษณ์ธุรกิจ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาด และมีผลต่อการกำหนดขนาดของกิจการ พื้นที่การใช้สอยของลักษณะธุรกิจ รวมไปถึงการเลือกทำเล และ การวางแผนแนวทางการขยายธุรกิจแบบแฟรนไชส์ แนวคิดของธุรกิจดีๆสักอันสามารถสร้างให้ธุรกิจดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง การสร้างแนวคิดทางธุรกิจชัดเจน ก็จะทำให้การกำหนดรายละเอียดในงานแต่ละเรื่องมีหลักในการคิด และพัฒนาไปในแนวทางเดียวกันได้ดี
  2. การศึกษาลักษณะของร้านค้าเบื้องต้น ขั้นตอนนี้จัดทำขึ้นเพื่อการเข้าใจรูปแบบ ร้านและการวางแนวทางในการขยายกิจการ เก็บข้อมูลเบื้องต้น การที่ธุรกิจมีร้านต้นแบบชัดเจนจะช่วยให้การเก็บข้อมูลต่างๆได้ดี เช่น ลักษณะของลูกค้าเป้าหมาย และการศึกษาขนาดตลาด แล้วจึงวางแผนการขยายตัวของธุรกิจ ที่เหมาะสมกับแต่ละกิจการ นอกจากนั้นจะต้องดูรายละเอียดของการลงทุน ค่าใช้จ่ายต่างๆที่จเกิดขึ้นในการดำเนินงาน
  3. การวางพื้นฐานด้านแฟรนไชส์ในรายละเอียด เช่น การตลาด กลยุทธ์ การขยายสาขา การวางแผนงานในรายละเอียดประกอบตารางเวลาที่เหมาะสมต่อแต่ละกิจการ เป็นการสร้างข้อกำหนดและเก็บรวบรวมตามลำดับดังนี้
  • กำหนดรูปแบบประวัติโครงสร้างของบริษัทองค์กรที่ต้องการเข้ามาลงทุนในกิจการ การกำหนดลักษณะของผู้เข้าร่วมกิจการในลักษณะของการเป็นแฟรนไชส์ วางลักษณะความสามารถความถนัดของผู้ขอแฟรนไชส์ ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญ สภาวะด้านการเงิน ความสนใจ คุณสมบัติส่วนตัวเช่น การศึกษา ประวัติเบื้องต้นต่างๆ
  • ลักษณะรูปแบบของแฟรนไชส์ที่จะเลือกนำเสนอ จำนวนการลงทุน รายละเอียดในการทำธุรกิจ ของแฟรนไชส์ซี ต้นทุนสินค้า อัตรากำไรที่ควรเป็น การวางแผนส่งเสริมการขาย การตลาด เป้าหมายของธุรกิจ
  • การวางพื้นที่ และขอบเขตของการให้แฟรนไชส์ซึ่งต้องวางตามลักษณะของแต่ละกิจการ การวางข้อกำหนดขอบเขตของการวางรูปแบบลักษณะแฟรนไชส์ ซึ่งจะต้องคำนึงถึงขนาดของตลาดที่เหมาะสมต่อจำนวนร้านค้าในแต่ละพื้นที่ การแข่งขัน รายได้ของกลุ่มลูกค้า
  • การวางการบริหารที่ช่วยระบบแฟรนไชส์ที่เหมาะสม การวางกำหนดบทบาทในฐานะของแฟรนไชส์ซอร์ ที่ต้องเป็นบริษัทแม่ ที่ต้องให้การสนับสนุนการดำเนินการต่างๆ การสร้างโครงสร้างการบริหารองค์กร การวางตำแหน่งหน้าที่ของบุคลากรเพื่อธุรกิจในแบบแฟรนไชส์
  1. การวางพื้นฐานการสร้างรายได้ให้กับร้านลักษณะต่างๆ เพื่อสร้างรายได้สูงสุดให้กับสมาชิก การวางโครงสร้างรายได้ ค่าใช้จ่ายที่จะก่อให้เกิดกำไร การสร้างรายได้ด้วยรูปแบบธุรกิจอื่นๆ เช่น การให้เช่า การส่งสินค้าถึงบ้าน การจัดการบริการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการวางแผนด้านการเงินอื่นๆ เช่น การเช่าซื้ออุปกรณ์ การหาแหล่งทางการเงินต่างเพื่อสนับสนุนการขยายกิจการ
  • การคำนวณค่าแฟรนไชส์ในลักษณะต่างๆ ที่จะคำนึงถึงการลงทุนของบริษัทแม่ การลงทุนด้านการตลาดและการสร้างทีมงานเพื่อสร้างฐานของการบริหารระบบสาขา การกำหนดค่าใช้จ่ายของการซื้อแฟรนไชส์ในระดับต่างๆเพื่อหาความเหมาะสมทางธุรกิจ การศึกษารูปแบบทางการเงินของกิจการ ค่าใช้จ่ายประจำที่จะเกิดขึ้น การอบรม และต้นทุนด้านต่างๆของกิจการ
  • การคิดค่า Royalty Fee และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ซื้อกิจการแฟรนไชส์
  • การวางแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ การวางงบประมาณค่าใช้จ่ายและการวางแผนการเก็บค่าใช้จ่ายจากระบบแฟรนไชส์ กำหนดวิธีการสร้างการโฆษณา สร้างตราผลิตภัณฑ์ การกำหนดมาตรฐานสินค้า
  1. การประเมินแผนงานขั้นต้น การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการถ้าหากดำเนินการแล้วมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ใด อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้างเพื่อหาจุดที่เหมาะสมด้านผลตอบแทนของโครงการด้วย โดยดูจากโครงสร้างพื้นฐานที่ผ่านแต่ละขบวนการขั้นต้น และสรุปแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป การมองหาแหล่งเงินทุน วิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุน อัตราผลตอบแทนการลงทุน

ดูแล้วก็มีความยากพอสมควรในแต่ละขั้นตอนดังกล่าว จุดสำคัญของทั้งหมดก็คือ ความรอบคอบที่จะต้องดูและประเมินให้ได้ว่า ธุรกิจที่จะมาปรับให้เข้าสู่ระบบแฟรนไชส์นี้จะมีความเป็นไปได้จริง สร้างกำไรได้จริง ตอบโจทย์ของธุริจไดจริง ให้ประโยชน์กับการขยายงาน และควบคุมให้แผนงานต่างๆทำได้จริง ก็คือเป้าหมายของการปรับและวางแผนนั่นเอง

II. การสร้างเอกสารสำคัญประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ 

หลังจากกระบวนการวางแผนขั้นต้นที่ผ่านมา ก็จะต้องวางรูปแบบการบริหารงานที่จะต้องทำงานร่วมกันกับทีมขนาดใหญ่ในรูปแบบแฟรนไชส์ และ ร้านสาขาในระบบจะมีสถานที่ประกอบการต่างพื้นที่กันออกไป ลักษณะสิ่งแวดล้อมที่แตกต่าง การบริหารงานจึงต้องวางขั้นตอนประสานงานให้ชัดเจนเสียแต่เริ่มต้น

  1. การสร้างสัญญาประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ ศึกษาข้อผูกพันต่างๆที่จำช่วยให้ความสัมพันธ์ที่ดีในธุรกิจต่อเนื่อง และป้องกันปัญหาด้านการปฏิบัติ การพัฒนารูปแบบของเอกสารประกอบสัญญา ลักษณะที่ต้องวิเคราะห์จุดบกพร่อง และการแบ่งลักษณะขนาดของธุรกิจที่แตกต่าง การศึกษาลักษณะกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสร้างมาตรฐานสัญญาที่ถูกต้องและใช้กับธุรกิจได้จริง
  2. การกำหนดระเบียบวิธีการบริหารงานแฟรนไชส์ การสร้างแบบการรับสมัคร การคัดเลือก กระบวนการคัดเลือกและมาตรฐานการคัดเลือก การกำหนดขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือ หรือการติดตั้งธุรกิจให้แต่ละกิจการ การกำหนดนโยบายด้านธุรกิจต่างที่ต้องใช้ในองค์กรแฟรนไชส์

III. การสร้างรูปแบบคู่มือปฏิบัติการ

ขั้นตอนนี้ไม่ค่อยมีความซับซ้อนมากนักแต่จำเป็นต้องใช้ทีมงานและการจัดเก็บที่เป็นระบบ ต้องใช้เวลาในการจัดทำและมีการทบทวนแก้ไขจนกระทั่งสามารถใช้งานได้จริง ในรายละเอียดแต่ละเรื่องที่สร้างเป็นคู่มืออาจจะดูว่าไม่สำคัญแต่มักจะพบว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นความรู้ที่สะสมมาจนเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นจึงต้องมีความละเอียดและพยายามบันทึดจัดระบบเอกสารให้ได้มากที่สุดในทุกๆกระบวนการทำงาน

  1. เริ่มจากการกำหนดหัวข้อสำคัญที่จะต้องมีในคู่มือประกอบการธุรกิจ โดยจะคำนึงถึงว่าถ้าต้องนำเสนอวิธีการประกอบธุรกิจให้กับคนที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนแต่สามารถให้ความรู้ในการประกอบธุรกิจได้จริงให้กับแฟรนไชส์ และนอกจากนั้นต้องคำนึงถึงวิธีการที่จะสามารถควบคุมและป้องกันการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ เช่น การเปลี่ยนรูปแบบส่วนผสมที่สำคัญมาเป็นวัตถุดิบที่ทางสำนักงานใหญ่จะเป็นผู้นำส่งให้
  2. การวางรูปแบบหลักของคู่มือ เช่นการสร้างลักษณะเฉพาะของเอกสาร การวางขั้นตอน การจัดเก็บเอกสาร และวิธีการวิเคราะห์เพื่อการจัดบันทึก การสร้างดัชนีการวัดคุณภาพของงานเพื่อการประเมินผลในแต่ละขั้นตอน
  3. การศึกษาขั้นตอนและการทำคู่มือที่ต้องชัดเจนและสามารถสร้างขึ้นได้ตามการติดตามของทีมที่ปรึกษา(ถ้ามี) การตรวจสอบที่ร้านค้าพื้นที่จริงเพื่อดูการปฏิบัติงานจริงว่าเป็นไปในรูปแบบที่กำหนดได้หรือไม่ การจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของระบบแฟรนไชส์นั้นมีความสำคัญ เนื่องจากแนวคิดการดำเนินธุรกิจของระบบงานสาขา ที่ต้องมีการสร้างทีมงานที่ต้องแบ่งแยกหน้าที่การทำงานชัดเจน และง่ายต่อการหาพนักงานในการทำงานแต่ละขั้น การออกแบบงานภายในร้านจะต้องสามารสร้างวิธีการทำงานให้ง่ายที่สุด เลียนแบบการทำงานระบบรับช่วงหรือระบบสายพานของงานอุตสาหกรรม การวางเป็นแต่ละช่วงนี่เองจึงต้องมีคู่มือที่ใช้สำหรับการฝึกหัดพนักงานในแต่ละขั้นตอน การใช้อุปกรณ์ที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ละกระบวนการทำงาน การสร้างเครื่องมืออุปกรณ์นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ระบบงานแฟรนไชส์จะมีการออกแบบอุปกรณ์ที่จะสามารถรักษามาตรฐานต่างๆในการทำงานทุกๆขั้นตอน ดังนั้นก็ต้องมีการอธิบายการใช้เครื่องต่างๆอย่างดี นอกจากนั้นคู่มือที่มาเกี่ยวข้องในการบริหารงาน การตลาด บุคคล บัญชี การเงินก็เป็นสิ่งที่จะต้องมีการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจในกระบวนการทำงานของแฟรนไชส์ซีด้วย

ความเข้าใจเรื่องคู่มือปฏิบัติงานในระบบแฟรนไชส์

                      ทุก ๆ บริษัทที่ใช้ระบบแฟรนไชส์จะต้องมีการจัดทำคู่มือปฏิบัติการ (Operation Manual) เรียกว่าเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน คู่มือเล่มเดียวนี้จะสามารถบอกได้ว่าใครจะต้องทำอะไรและทำอย่างไร เป็นคู่มือที่ใช้ได้ทั้งกับแฟรนไชส์ซีและกับพนักงานทุกคน ถ้าหากปฏิบัติได้ตามคู่มือทุกอย่างก็จะทำให้บริการหรือสินค้านั้น ๆ มีมาตรฐานออกมาเหมือนกันหมดทุกสาขา มีคนจำนวนมากที่เข้าใจผิดคิดว่าถ้า ถ้าซื้อธุรกิจระบบแฟรนไชส์แล้วจะสบายไม่ต้องทำอะไรมากนัก เป็นหน้าที่ของบริษัทแม่ที่จะต้องช่วยให้ประสบความสำเร็จจนได้ แต่หลักความจริงแล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด การทำแฟรนไชส์จะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ประกอบการมากกว่า 80% โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่อีก 20% เท่านั้น อุปสรรคสำคัญในการพัฒนาธุรกิจของไทย โดยเฉพาะในธุรกิจแฟรนไชส์หรือธุรกิจที่ต้องการขยายหลาย ๆ สาขาให้เติบโต สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมายก็เพราะขาดขบวนการถ่ายทอดที่ได้ผลจริง ๆ  ยังมีสิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจแฟรนไชส์ก็คือทีมงาน การขาดทีมงานหรือขาดกำลังคน หรือมีทีมที่ด้อยคุณภาพ นั่นเป็นปัญหาอุปสรรคที่สำคัญอย่างยิ่ง นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ความเข้มแข็งอดทนต่อการทำงานร่วมกันของคนไทย ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ของการทำธุรกิจในระบบแฟรนไชส์เป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ขายแฟรนไชส์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ไม่ได้คัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์มากนัก การเลือกแฟรนไชส์ที่ถูกต้องเหมาะสมจึงเป็นเคล็ดลับที่สำคัญมากต่อการพัฒนาระบบแฟรนไชส์ปัญหาทั่วไปในระบบแฟรนไชส์

                      แฟรนไชส์ที่ไม่ดีทำแล้วขาดทุน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะความไม่เข้าใจโครงสร้างของธุรกิจ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการสูงสุดคือกำไร แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีการลดต้นทุนแล้วเกิดกำไร การทำธุรกิจในสาขาแรกประสบความสำเร็จอย่างมากและมีกำไรสูงในทุกปียังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ ความสำเร็จได้ว่าจะสามารถขยายด้วยระบบแฟรนไชส์แล้วจะประสบความสำเร็จด้วย เพราะในแต่ละท้องถิ่นหรือพื้นที่สภาพแวดล้อมต่างกัน อาจจะไม่เป็นไปตามแนวทางเดิมที่สร้างไว้ก็ได้ ควรจะทดลองในหลายๆ พื้นที่ ซึ่งการสร้างร้านต้นแบบเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก สำหรับผู้ที่จะสร้างระบบแฟรนไชส์ และบริหารร้านต้นแบบให้ประสบความสำเร็จก่อนที่จะขายแฟรนไชส์ ทั้งนี้เพราะหลักการแก่นแท้ของธุรกิจแฟรนไชส์จะเน้นที่ “ระบบการจัดการธุรกิจที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลดี” ไม่ได้เน้นที่ให้ซื้อสินค้าจากบริษัทแม่หรือให้สรรหาสมาชิกเท่านั้น การเลือกซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ ต้องเลือกธุรกิจที่ทำได้ยาวนาน ต้องมองว่าแฟรนไชส์ซอเขามีการพัฒนาอย่างไรบ้าง ถ้าไม่มีการพัฒนาโอกาสที่จะทำกำไรข้างหน้าจะน้อยลง ด้านการตลาดอย่าหวังพึ่งสำนักงานใหญ่เพียงอย่างเดียวต้องมีการตลาดเฉพาะที่ด้วย โดยการแสวงหาพันธมิตรธุรกิจ ซึ่งอาจจะเป็นธุรกิจแฟรนไชส์อื่นๆ หรือธุรกิจที่ไม่ใช่แฟรนไชส์ก็ได้ พยายามพึ่งตนเองให้มากที่สุด เพราะอย่างไรก็ตามธุรกิจที่ลงทุนไปนั้นก็คือ ของเราเอง

IV. ขั้นการวางแผนการตลาดเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์

เมื่อเริ่มงานมาตามขั้นตอนต่างๆแล้วก็จะเข้าสู่ช่วงการสร้างตลาดเพื่อขยายแฟรนไฃส์ จะต้องมีการเตรียมงานที่เกี่ยวข้องดังนี้

  1. การเริ่มต้นการทำตลาดเพื่อขยายงานด้านแฟรนไชส์ จะต้องมีการวางแผนการขยายสาขาจำนวนสาขาที่ต้องการ เขตพื้นที่เป้าหมาย และเริ่มวางแผนขั้นต้นที่จำเป็นต่อการขายแฟรนไชส์ เช่น การวางรูปแบบเครื่องมือในการสร้างตลาดแฟรนไชส์ เช่น แคตตาล็อก การส่งจดหมายเชิญชวน การจัดสัมมนา การออกงานแสดงสินค้า การจัดร้านออกงานแสดงสินค้า การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ ด้านต่างๆ งานส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับงานด้านเอกสารและการจัดทำให้ดูดีและน่าเชื่อถือทั้งการออกแบบและเนื้อหา

การสร้างตลาดระบบแฟรนไชส์นั้นต้องทำประกอบไปทั้งสองรูปแบบ คือ การสร้างตราและการยอมรับในสินค้าบริการ ผ่านการส่งเสริม ตราและสร้างให้ผู้บริโภคยอมรับในสินค้าที่นำเสนอ ในอีกส่วนก็คือ การส่งเสริมให้มีความสนใจในการลงทุนในธุรกิจที่เสนอมากขึ้น เน้นการจัดสัมมนาการออกการแสดงธุรกิจให้เป็นที่รับรู้ และมีกระบวนการการคัดเลือก แฟรนไชส์ซีผู้ที่ต้องการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

  1. การจัดทำเอกสารเชิญชวน การพัฒนารูปแบบ ที่ประกอบรายละเอียดในการนำเสนอ การสร้างแบบสอบถาม การให้คำตอบสำคัญต่างๆ แก่ผู้สนใจเช่นผลตอบแทนที่สามารถคาดการณ์ได้ในการลงทุน อัตรากำไรขาดทุน การให้รายละเอียดเกี่ยวกับองค์กร ธุรกิจ ขนาดกิจการและตลาด การนำเสนอแผนการลงทุน รายได้ประเมินผลประโยชน์ต่างๆที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้รับ ขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการ และรายละเอียดต่างๆ

การจัดการในขั้นตอนนี้ต้องเริ่มมีทีมงานที่ได้รับการฝึกโดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในระบบการลงทุนในกิจการ และการที่ผู้ลงทุนในธุรกิจพร้อมจะเป็นแฟรนไชส์ซีนั้นต้องเข้าใจในระบบธุริกิจเพียงพอที่จะยอมลงทุน การติดตามผู้ที่สนใจลงทุน และภายหลังจากลงทุนแล้วต้องมีความสม่ำเสมอและเป็นไปตามข้อเสนอที่ได้ตกลงในแต่ละขั้นตอนไปแล้ว การสร้างให้แฟรไชส์ซีมีความพอใจในการจัดการนั้นจะส่งผลให้การทำงานอย่างทุ่มเทของแฟรนไชส์ซี ระบบแฟรนไชส์นั้นถือเป็นการถ่ายทอดด้านการจัดการและรูปแบบธุรกิจที่ได้รับการยอมรับจากพื้นที่หนึ่งแล้วมีการนำแนวคิด Concepts นั้นไปถ่ายทอดให้เกิดดำเนินงานขึ้นอีกพื้นที่หนึ่ง “แนวคิดของระบบแฟรนไชส์และระบบการบริหารงานที่ถ่ายทอดออกไปก็คือ กระบวนการขยายตัวที่เกิดขึ้นจากรูปแบบทางวัฒนธรรมของพื้นที่หรือประเทศต้นทางของธุรกิจนั้นๆ” (Huszagh and McIntyre, 1992 p.40) เมื่อได้รับความนิยมประสบความสำเร็จด้านการตลาดที่มีการยอมรับ ส่งผลให้ธุรกิจนั้นมีความสำเร็จในการจัดการ จึงเปิดโอกาสการลงทุนให้กับผู้ลงทุนใหม่หรือเขตพื้นที่อื่นเข้ามาสร้างธุรกิจในรูปแบบที่กำหนดไว้ เพื่อสร้างความเป็นรูปแบบเดียวกันของระบบทั้งองค์กร (Corporate Concepts)

ขั้นตอนทั้งสี่ที่ประกอบด้วย 12 ข้อย่อยที่ผ่านมาเป็นรายละเอียดที่สามารถนำเสนอได้บางส่วน เป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจให้เข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ ในธุรกิจแฟรนไชส์นั้นผู้ที่เป็นผู้เริ่มต้นสร้างรูปแบบธุรกิจมีความสำคัญอย่างมากเพราะนอกจากจะต้องเข้าใจถึงการปรับตัวแก้ปัญหาในแต่ละช่วงด้วยความรอบคอบ และไม่มีหลักการใดเป็นเรื่องตายตัว ยังต้องมีการปรับตัวตลอดเวลา การเข้าถึงความพึงพอใจผู้บริโภคเพื่อสร้างตลาด การเข้าใจถึงความคาดหวังของผู้ที่เข้ามาลงทุนในระบบแฟรนไชส์ ล้วนแต่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องอาศัยผุ้มีประสพการณ์จริงในการจัดรูปแบบเข้ามามีส่วนช่วยจะทำให้ลดเวลาในการสร้างระบบเร็วขึ้น ด้วยข้อดีกับการบริหารที่มีศักยภาพมากกว่ากันระบบแฟรนไชส์จึงเป็นระบบที่สามารถขยายต้วได้ดีมั่นคงกว่าการขยายด้วยบริษัทเอง  

#franchisepremium

ติดต่อสอบถาม

เว็บไซต์

สนใจพูดคุยกับทีมผู้เชี่ยวชาญด้านแฟรนไชส์